มีการใช้เครื่องดนตรีอันแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ชนิด ดังนี้ เครื่องสายได้แก่ไวโอลิน , วิโอล่า , เชลโล , ดับเบิลเบส เครื่องเป่าลมไม้ เช่น ฟลุต , คลาริเน็ต , โอโบ , บาสซูน , ปิคโคโล เป็นต้น เครื่องเป่าลมทองเหลืองเช่น ทรัมเป็ต ,ทรอมโบน ,ทูบา , เฟรนช์ฮอร์น เป็นต้น เครื่องกระทบ เช่น กลองทิมปานี , ฉาบ , กลองใหญ่ ,ไทรแองเกิล เมื่อนำทั้งหมดนี้มาเล่นรวมกันจะเรียกว่า วง Orchestra โดยมี Conductor เป็นผู้ควบคุมวง ดนตรีในยุคคลาสสิก เป็นยุคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการพัฒนาให้เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิมๆ โดยยกเลิกการสอดประสานของทำนอง แต่เปลี่ยนมาเป็นแบบใส่เสียงประสานแบบ Homophony แทน พูดง่ายๆ ก็คือ เน้นไปที่ทำนองหลักเท่านั้น โดยมีแนวเสียงอื่นๆ …
ยุคกลาง หรือ Middle Ages เริ่มในปี ค.ศ. 400 – 1400 ในยุคกลางนี้โบสถ์เปรียบเสมือนศูนย์กลางของศิลปะวิทยาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี , ศิลปะ , การศึกษา , การเมือง วิวัฒนาการทางด้านดนตรีของทางฝั่งตะวันตกเกิดขึ้นควบคู่ไปกับศาสนา โดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างดนตรีโรมันในยุคโบราณกับดนตรีของยิวโบราณ เพลงทั้งยุคนั้นก็แต่งเพื่อใช้ในพิธีทางศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการนำคำสอนจากพระคัมภีร์มาใส่ทำนองเข้าไป เพื่อให้ประชาชนทั้งหลายเกิดความซาบซึ้ง รวมทั้งก่อให้เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าในศาสนา ในยุคนี้ไม่ได้แต่งเพื่อหาความไพเราะ หรือหาความสนุกสนาน ต่อมาเมื่อศาสนาคริสต์ได้แพร่คำสอนกระจายออกไปทั่วโลก เพลงที่ใช้ร้องในพิธีของศาสนาคริสต์ก็แตกแขนงออกไปตามภูมิภาคและเชื้อชาตินั้นๆ เมื่อคริสต์ศาสนาเติบโตรวมทั้งมีความเข้มแข็งเป็นปึกแผ่นมากขึ้น จึงได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการขับร้องเพลงสวด ที่เรียกว่า Chant และหลักเกณฑ์นี้ได้รับการยอมรับในหมู่ผู้นำของศาสนาคริสต์ อย่าง Pope Gregory the Great พระผู้นำศาสนาในยุคนั้น เป็นคนที่คอยเก็บรวบรวมบทสวดต่างๆที่มีอยู่ จัดให้เป็นระเบียบ แยกหมวดหมู่อย่างถูกต้อง และได้การเปลี่ยนภาษาจากกรีกให้เป็นละติน รวมทั้งเขียนลำดับของเพลงสวด เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตามให้เหมือนกันหมด ซึ่งบทสวดนี้ในศาสนาคริสต์นิกาย Roman Catholic ก็ยังนำมาใช้อยู่จนปัจจุบัน โดย Chant เป็นเพลงที่มีแต่ทำนอง ปราศจากการประสานเสียง ไม่มีจังหวะ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรสนิยมของนักร้อง ต่อมาเพลงประเภทนี้ถูกเรียกว่า …
ดนตรีคลาสสิกเป็นดนตรีที่มีรากฐานค่อนข้างสลับซับซ้อน มีทั้งเพลงสวด , เพลงเต้นรำ , เพลงรัก มีลักษณะช้าและเร็วสลับกันไปตามท่วงทำนอง เป็นแนวเพลงที่มีพลังงานสูงมาก ไม่ว่าจะในเรื่องสื่อการสารทางอารมณ์หรือช่วยพัฒนาสติปัญญา สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษย์มาก ดนตรีคลาสสิกกับการพัฒนาไอคิว(I.Q.) The Mozart Effects เป็นการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาสติปัญญาด้วยการฟังเพลงคลาสสิก การวิจัยดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจากผลงานเมื่อปี 1993 ของ Frances Rauscher การวิจัยเกี่ยวกับ The Mozart Effect ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพสมองให้เกิดความทรงจำที่ดีขึ้น รวมทั้งช่วยเรื่องของความเฉลียวฉลาด หลายปีที่ผ่านมาได้มีการทดลองถึงข้อเท็จจริงอันนี้ ส่วนเพลงที่คัดเลือกมาใช้มาใช้นั้น ก็เป็นเพลงของ Wolfgang Amadeus Mozart โดยประชาชนหลายพันคนที่ได้อ่านรายงานเกี่ยวกับการทดลองในครั้งนี้จากหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ก็สนใจที่จะลองฟังเพลงคลาสสิกดูบ้าง การทดลองนี้เกิดขึ้น ณ เมือง Irvine ในปี 1993 โดยได้ทำการทดลองจากการใช้นักศึกษาของ University of California โดยแบ่งนักศึกษาออกเป็น 3 กลุ่ม และให้ฟังเสียงเหล่านี้เป็นเวลา 10 นาที ได้แก่ เพลง sonata for …
ช่วงเวลาของดนตรีคลาสสิกสามารถแบ่งออกเป็นยุคได้ ดังนี้ 1.ยุคกลาง หรือ Middle Age ค.ศ. 476 – ค.ศ. 1400 ดนตรีคลาสสิกจากยุโรปในยุคกลาง เป็นจุดเริ่มต้นของดนตรีคลาสสิกมาจนถึงปัจจุบันนี้ เริ่มต้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 476 ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่เกิดการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน เพราะฉะนั้นดนตรีในยุคนี้จึงสร้างขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วิเคราะห์กันว่าน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากดนตรีในของกรีกสมัยโบราณ รูปแบบของเพลงในยุคนี้เน้นเพลงสวดเป็นสำคัญ 2.Renaissance ค.ศ. 1400- ค.ศ. 1600 เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1400 ยุคนี้คือยุคฟื้นฟูศิลปะโบราณ ในสมัยโรมันและกรีก แต่ดนตรีก็ยังคงเน้นไปทางศาสนา อยู่เช่นเดิม แต่เริ่มมีการใช้เครื่องดนตรีให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ท่วงทำนองดนตรีในยุคนี้ยังคงมีรูปแบบคล้ายกับยุคกลาง แต่เพลงบรรเลงเริ่มก่อตัวขึ้นมาก 3.ยุค Baroque ค.ศ. 1600 – ค.ศ. 1750 ยุคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของอุปรากรในประเทศฝรั่งเศส และสิ้นสุดลงเมื่อ Johann Sebastian Bach เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1750 ในยุคนี้มีการเล่นดนตรีสำหรับชนชั้นสูง มีการหันมาเล่นเครื่องดนตรีประเภท Organ มากขึ้น แต่ก็ยังคงเน้นไปทางศาสนาอยู่ดี …
Homer Center for the Arts อดีตคริสตจักรที่งดงามสมบูรณ์แบบด้วยหน้าต่างกระจกสีและม้านั่ง นอกจากนี้ยังมีบางส่วนของเสียงสะท้อนจากสถานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้รับการช่วยเหลือด้านระบบเสียงจากทางรัฐของศิลปะ ที่ไม่ได้รับในทางของเพลง Tenor Madness โดยจะเล่นในวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน เวลา 07:00 ฟรีคอนเสิร์ต มันเป็นครั้งแรกของเรานับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฟิลข้อเท้าหัก และเราสัญญาว่าจะเป็นวันที่สนุกสนาน หวังว่าเราจะคุณที่นั้น Hanna Richardson กีตาร์และนักร้อง Phil Flanigan เล่น tenor guitar Jared Mulcahy, upright bass “หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดกับ chamber-jazz ที่คุณเคนได้ยินมา” Michael Steinman, Jazz Lives
ฮันนาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการร้องเพลงและเพลงที่จะขึ้น ในวันที่ 20 เมษายน กับวิทยุ WRHU ของมหาวิทยาลัย Hofstra การสัมภาษณ์ดำเนินการโดย Bob Collins กับช่วง The Jazz Café ของ WRHU ช่วงเวลาออกอากาศ 2 pm (EST) หรือจะฟังสดได้ที่ www.WRHU.org
ออกแบบโดย Jonathan Royce – Garry เป็นแผ่นเสียงที่ยอดเยี่ยมสำหรับซีดีใหม่ของเรา “Do Something!” ในรอบปีที่ผ่านมาเราได้แบ่งออกเป็นสามช่วงด้วยกัน ครั้งแรกที่ Subcat Studios ใน Syracuse โดย Randy Reinhart เป็น cornet และ Stefan Vasnier เปียโน Phil เบส ส่วน Hanna เล่นกีต้าและขับร้อง ต่อมาในช่วงที่สองกับ Rosewood Sound ใน Syracuse ได้ Jared Mulcahy มาเป็นมือเบสแทนฟิล ส่วนฟิลมาเป็นกีต้าร์เทนเนอร์ที่สองแทน โดยคู่กับ Randy Reinhart ที่เล่น cornet ก่อนที่ฟิลจะกลับมาเล่นเบสอีกครั้ง ส่วน CD ของเราน่าจะถูกปล่อยออกมาในช่วงสองสามสัปดาห์นี้ และต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่าง Kickstarter ที่ช่วยให้เกิดขึ้นได้ คุณสามารถจอง CD ผ่านทางเมล์ล่วงหน้าได้แล้ว !